Doctor's Search

วัคซีนที่จำเป็นสำหรับเด็ก ตอนที่ 2

มกราคม 6, 2023


วัคซีนเสริม วัคซีนทางเลือก
เป็นวัคซีนที่ไม่ได้บังคับให้ในเด็กทุกคน แต่อาจจะจำเป็นต้องให้ในเด็กที่มีความเสี่ยง คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาและขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากคุณหมอที่ดูแลได้

1. วัคซีนรวมคอตีบไอกรนบาดทะยักโปลิโอฮิบและตับอักเสบบี
เป็นทางเลือกของวัคซีนตัวหลักโดยมีข้อดีที่โอกาสเกิดไข้น้อยกว่า ที่ได้ยินบ่อยๆเวลาไปรับบริการคือ วัคซีนรวมหกโรค วัคซีนรวมห้าโรค วัคซีนรวมสี่โรค โดยจุดที่แตกต่างกันคือ มีหรือไม่มีตับอักเสบบี มีหรือไม่มีฮิบ มีหรือไม่มีโปลิโอ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถสอบถามรายละเอียดได้จากแพทย์ที่ดูแล

2. วัคซีนไอพีดี
เป็นวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอกคัสแบบรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรง ติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ โดยเชื้อตัวนี้เป็นเชื้อที่อยู่ในโพรงจมูกและคอ ถ้าติดเชื้อไม่รุนแรงก็ยังทำให้เกิดไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบได้ด้วย
เป็นวัคซีนที่ให้ได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน ปกติจะฉีดจำนวนสี่เข็มที่อายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และ 12-15 เดือน และอาจฉีดกระตุ้นที่อายุหลังสองปี จำนวนเข็มอาจจะลดลงถ้าเริ่มฉีดในอายุเกิน 6 เดือนไป ที่ใช้ในเด็กจะแบ่ง เป็นแบบสิบสายพันธุ์ และแบบสิบสามสายพันธุ์ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากคุณหมอที่ดูแลเป็นวัคซีนทางเลือกที่ควรฉีดในเด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็กที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังเช่น โรคปอด โรคหัวใจ ตับ ไต หอบหืด เบาหวาน รวมถึงเด็กที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง

3. วัคซีนอีสุกอีใส
เป็นวัคซีนเชื้อเป็น สามารถฉีดแยกเป็นเข็ม หรือ ฉีดรวมอยู่ในวัคซีนหัดหัดเยอรมันคางทูมอีสุกอีใส ฉีดที่อายุ 1 ปีขึ้นไป เป็นจำนวนสองเข็ม เข็มที่สองห่างจากเข็มแรกอย่างน้อยสามเดือนขึ้นไป
โดยทั่วไปเด็กอายุน้อยที่ติดเชื้ออีสุกอีใสมักมีอาการไม่รุนแรง และจะมีภูมิหลังการติดเชื้อ แต่เมื่ออายุเยอะหรือภูมิเริ่มตก เชื้อที่แฝงตัวอยู่ก็จะทำให้เกิดโรคงูสวัดได้

การฉีดวัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อและการเกิดงูสวัดได้ ในเด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่ได้ติดเชื้อตอนเด็ก เมื่ออายุเยอะและติดเชื้อขึ้นมาก็จะมีอาการรุนแรงได้มาก อาจเกิดปอดอักเสบ สมองอักเสบ และ แผลตุ่มที่เกิดจากโรคจะมีมากและมีโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อนได้
เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น ในเด็กที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

4. วัคซีนตับอักเสบเอ
ตับอักเสบเอ ติดต่อได้ง่ายทางการกินของที่ปนเปื้อนเชื้อ ในเด็กเล็กต่ำกว่าหกปี มักแทบไม่มีอาการเมื่อติดเชื้อ และจะมีภูมิไปตลอดชีวิต แต่ในเด็กโตวัยรุ่นผู้ใหญ่การติดเชื้ออาจจะทำให้เกิดอาการตับอักเสบเฉียบพลันได้ คล้ายๆกับอีสุกอีใสที่อาการจะรุนแรงในเด็กโตและผู้ใหญ่ปัจจุบันมีสองแบบ คือแบบเชื้อเป็น ฉีดจำนวนหนึ่งเข็มที่อายุ 18 เดือนขึ้นไป และแบบเชื้อตาย ฉีดสองเข็ม ที่อายุ 1 ปีขึ้นไปและเข็มสองห่างจากเข็มแรก 6-12 เดือน

5. วัคซีนไข้หวัดใหญ่
สามารถเริ่มฉีดได้ที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 9 ปี จะต้องได้รับสองเข็มห่างกัน 1 เดือน ในปีแรก และหลังจากนั้นก็ฉีดปีละ 1 เข็ม โดยปกติแนะนำให้ฉีดกระตุ้นทุกปีเนื่องจากมีอาการอัพเดทเชื้อ และ ภูมิคุ้มกันตกลงตามเวลา

6. วัคซีนไข้เลือดออก
ปัจจุบันคำแนะนำคือเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไป (เดิมเริ่มที่อายุ 9 ปีขึ้นไป) และแนะนำให้ฉีดในเด็กที่มีประวัติเคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน โดยฉีดสามเข็ม เข็มที่สองและสามห่างกันครั้งละหกเดือน

7. วัคซีนพิษสุนัขบ้า
สามารถฉีดก่อนโดนกัดหรือสัมผัสสัตว์ที่มีความเสี่ยงได้ โดยฉีดเป็นจำนวนสองเข็ม เข็มสองห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 7 วัน ข้อดีของการฉีดวัคซีนก่อนการสัมผัสเชื้อ คือ เมื่อมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ เช่น โดนสุนัขกัด จะทำให้ไม่ต้องฉีดอิมมูโนกลอบูลินรอบแผลซึ่งมักจะเจ็บและอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงได้ และเมื่อเคยฉีดวัคซีนกันก่อนการติดเชื้อแล้วเมื่อสัมผัสเชื้อ ก็จะต้องฉีดกระตุ้นต่อเป็นจำนวน 1-2 เข็มเท่านั้น

สรุป
วัคซีนเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กๆทุกคนควรได้รับ เพื่อป้องกัน และ ลดความรุนแรงของโรคต่างๆตามวัคซีนของโรคนั้นๆ และเนื่องจากวัคซีนมีหลายตัวและมีความซับซ้อนในระดับหนึ่ง แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเจ้าของไข้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อวางแผนการฉีด เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดของบุตรหลานนะครับ

Posted in Health Knowledge TH by admin