Doctor's Search

Right Sidebar

ตุลาคม 11, 2018

ประโยชน์ของการกินเจ

1.กินเจช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนักเป็นเวลานาน

อาหารเจส่วนใหญ่จะเน้นพืชและผักเป็นหลัก ผสมกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจากถั่วที่ย่อยได้ง่ายกว่าประเภทเนื้อสัตว์และไขมันมาก จึงทำให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนัก ๆ มาตลอดทั้งปี ทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย

2.ล้างพิษให้กับร่างกายของเรา

ผัก ผลไม้ที่เรากินนอกจากจะย่อยง่ายแล้ว ยังเป็นกากใยชั้นเลิศที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายและการย่อยอาหารของเราทำงานได้ดี เมื่อกินเข้าไปมาก ๆ ก็จะช่วยขับของเสียและสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเราออกมา ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกที่เป็นปัญหาเรื้อรังสั่งสมมานานของใครหลายคนที่ชอบกินเนื้อ

3.ลดความเสี่ยงจากโรคร้าย

ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและสมอง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ริดสีดวงทวาร โรคเกาต์ ฯลฯ ต้องชิดซ้าย ถ้าเรากินอาหารเจเป็นประจำ เพราะอาหารเจจำพวกผัก ผลไม้มีเส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ต่างจากอาหารจำพวกเนื้อแดงและไขมันที่เต็มไปด้วยไขมันที่ไม่ดีและคอเลสเตอรอลตัวร้ายที่คุกคามสุขภาพของเรา

4.ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลขึ้น

ใครจะเชื่อว่าการกินเจก็ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นขึ้นได้ แต่นี่เป็นความจริงอย่างมิต้องคลางแคลงใจเลย เพราะวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระและสารพัดสารพฤกษเคมีในผัก ผลไม้ต่าง ๆ ยิ่งกินมากก็ยิ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่ง สดใส ไม่หย่อนคล้อยก่อนวัยอีกด้วย

5.ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย

เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ จะทำให้เลือดได้รับการฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ มีผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมสลายช้าลง เราจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ เหมือนเดิมอีกแล้วล่ะ

6.ลดน้ำหนักได้ ถ้าหากเลือกกินแต่ของดี มีประโยชน์

ถึงแม้ว่าอาหารเจจะเน้นกินผักและธัญพืช แต่ก็มีแป้งด้วย แล้วยิ่งเราเลือกหม่ำเมนูที่ใช้น้ำมันผัด ๆ ทอด ๆ หรือปรุงรสด้วยน้ำตาลมากเกินไป ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าอาหารเจของเราจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่จะช่วยลดความอ้วนได้ยังไง ดังนั้นถ้าอยากจะเห็นน้ำหนักที่ลดลงเมื่อกินอาหารเจไปได้สักพัก ก็ต้องเลือกกินเจให้ผอมตามนี้

– เลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย ธัญพืชต่าง ๆ

– เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว เพราะผักใบมีคาร์โบไฮเดรตที่น้อยกว่าพืชหัวมาก ดังนั้น การกินผักใบจะทำให้เราได้พลังงานและปริมาณแป้งน้อยกว่าจึงไม่ทำให้อ้วน

– เลือกกินของนึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด เพราะช่วยให้เลี่ยงการกินน้ำมัน ซึ่งมีไขมันอยู่สูง

– กินหวานให้น้อยลง ไม่ใช่ว่าเมื่อคุณกินเจแล้วจะสามารถกินขนมหวานได้เต็มที่ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารเจหรือไม่เจ ถ้ามีความหวานและผสมน้ำตาลอยู่มากก็อ้วนได้ไม่ต่างกัน

– ดื่มนมถั่วเหลืองไม่เกินวันละ 2-3 กล่อง

– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการกินอาหาร

กันยายน 24, 2018

เมื่อวันที่ 17-18 กันยายน 2561 โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส
ได้จัดฝึกอบรมการซ้อมอัคคีภัย ภาคทฤษฎี และฝึกซ้อมการอพยพหนีไฟ ประจำปี 2561

โดยได้รับความร่วมมือจาก เทศบาลบ้านกลางและเทศบาลบางกะดี
การฝึกอบรมผ่านพ้นไปด้วยดี ตามมาตราฐานกำหนด
ทั้งนี้ โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ขอขอบคุณเจ้าหน้าเทศบาลบ้านกลางและเทศบาลบางกะดี มา ณ ที่นี้ด้วย

Posted in News & Information TH by admin
กันยายน 10, 2018

ปกป้องลูกน้อย ห่างไกลไวรัส RSV

โรคที่พบมากในเด็กเล็ก ช่วงหน้าฝน มีหลายโรค เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก โรคไข้เลือดออก โรคอีสุกอีใส และอีกหนึ่งโรคที่ผู้ปกครอบต้องระวังอย่างยิ่ง คือ การติดเชื้อไวรัส RSV

 

ไวรัส RSV คืออะไร (Respiratory Syncytial Virus)

ไวรัสที่พบมากและเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่อากาศชื้น โดยเฉพาะหน้าฝน สามารถติดต่อกันได้ง่าย เพียงแค่การสัมผัสสารคัดหลั่ง และทางลมหายใจ เด็กเล็กสามารถรับเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยเชื้อมีระยะฟักตัว ประมาณ 2-6 วัน หลังจากได้รับเชื้อไวรัส

 

อาการ

ตัวลายเขียว จากการขาดออกซิเจน

หายใจลำบาก เหนื่อย

ไอมาก จนเหนื่อย

ไอคล้ายเสียงหมาเห่า มีอาการไข้สูง ขึ้นๆ ลงๆ จามบ่อยและมีน้ำมูกใสๆ ไหลอยู่ตลอดเวลา

ปีกจมูกบานเวลาหายใจ

หายใจตื้น เร็ว สั้น ดูเหนื่อย แน่นจมูกและหายใจมีเสียววี้ด

 

การรักษา

ไวรัส RSV ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียารักษา เมื่อเด็กได้รับไวรัสนี้ จึงต้องติดตามอาการอยู่ตลอด ควรทานยาลดไข้ตามอาการโดยให้แพทย์ตรวจรักษา ทุกๆ 4-6 ชั่วโมง และเช็ดตัวเพื่อลดไข้ นอนพักผ่อนเยอะๆ ให้ร่างกายฟื้นตัว ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์

 

การป้องกัน

ล้างมือทุกครั้ง ด้วยน้ำสบู่ ก่อนจับหรือดูแลเด็ก

หลีกเลี่ยงการสัมผัสเด็กที่สงสัยว่าเป็นไข้หวัด

ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน หากมีการสัมพัส

หลีกเลี่ยงการจูบและหอมเด็ก เพราะอาจะเป็นการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว

ดูแลบุตรหลายให้อยู่ห่างจากผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ

ไม่ควรอยู่ในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท

Posted in Health Knowledge TH by admin | Tags:
สิงหาคม 14, 2018

ตรวจสุขภาพหัวใจ สำคัญอย่างไร การตรวจพื้นฐาน

การตรวจร่างกาย เพื่อดูน้ำหนัก ส่วนสูง อ้วนหรือไม่ การจับชีพจร อัตราและความสม่ำเสมอของการเต้นของหัวใจ ความดัน โลหิต ฟังเสียงหัวใจว่ามีเสียงผิดปกติไหม เช่น เสียงสาม เสียงสี่ หรือ เสียงฟู่ นอกจากนั้นแล้วแพทย์จะตรวจร่างกาย ทุกระบบด้วย เพื่อดูว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลวหรือไม่ และ ดูโรคอื่นๆที่อาจพบร่วมด้วย

คลื่นไฟฟ้าหัวใจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจจะบอกจังหวะการเต้นของหัวใจ บอกขนาดห้องหัวใจ(แต่ไม่ดีนัก) บอกโรคของเยื่อหุ้มหัวใจ บางชนิด หรือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย หลายคนคิดว่าการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการ “เช็ค” หัวใจคล้ายเช็คเครื่อง แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่เช่นนั้น คลื่นไฟฟ้าหัวใจจะผิดปกติก็ต่อเมื่อมีโรคหัวใจที่รุนแรง เช่น หัวใจขาดเลือดรุนแรง กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจเต้น ผิดจังหวะ เป็นต้น ต้องเข้าใจว่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ปกติ ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้เป็นโรคหัวใจ

เอกซเรย์ทรวงอก หรือเรียกง่ายๆว่าเอกซเรย์ปอด ซึ่งจะเห็นทั้งปอด หลอดเลือดแดงใหญ่ การกระจายของเลือดในปอด ภาวะน้ำท่วมปอด หรือ หัวใจล้มเหลว เงาของหัวใจซึ่งบอกขนาดหัวใจได้ดีพอควร

ตรวจเลือด การตรวจหาระดับสารต่างๆในเลือด ส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวใจโดยตรง แต่เป็นการดูเพื่อหาปัจจัยเสี่ยง ของโรคหัวใจ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ช่วยในการวินิจฉัยแยกโรค และ การใช้ยาต่างๆ (เพื่อลดปัญหาแทรกซ้อนจากยา)

การตรวจพิเศษ

Echocardiogram หรือ อัลตราซาวน์หัวใจ

ด้วยหลักการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงความถี่สูง ซึ่งจะส่งผ่านผนังทรวงอกไปถึงหัวใจโดยหัวตรวจชนิดพิเศษ เมื่อคลื่นเสียงความถี่สูง ผ่านอวัยวะต่างๆจะเกิดสัญญาณสะท้อนกลับ ซึ่งแตกต่างกันระหว่างน้ำ เนื่อเยื่อ คอมพิวเตอร์จะนำเอาสัญญาณเหล่านี้มาสร้างภาพ ดังนั้น ภาพที่เห็นก็คือหัวใจของผู้ป่วย Echocardiogram จึงช่วยให้ แพทย์สามารถวินิจฉัยโรค พยากรณ์โรค ตรวจหาความรุนแรง ติดตามผลการรักษา ในโรคหัวใจและ หลอดเลือดได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ โรคของเยื่อหุ้มหัวใจ แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะไม่เห็นหลอดเลือดหัวใจโดยตรง และ อาจได้ภาพ ไม่ชัดเจนในผู้ป่วยที่อ้วนหรือผอมมาก หรือ มีถุงลมโป่งพอง เนื่องจากไขมันและอากาศขัดขวางคลื่นเสียงความถี่สูง

Exercise Stress Test การเดินสายพาน

หลักการ คือ ให้ผู้ป่วย(หรือผู้ที่ต้องการตรวจ)ออกกำลังกายโดยการเดินบนสายพานที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ (บางแห่งอาจให้ปั่นจักรยานแทน) เมื่อออกกำลังกายหัวใจจะเต้นเร็วขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นด้วย หากมีหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดจะไม่สามารถ เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้เพียงพอ จะเกิดอาการแน่นหน้าอก และ มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เห็น การทดสอบนี้ยังช่วย บอกแพทย์ด้วยว่าผู้ป่วยเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติหรือไม่ และ ใช้ในการติดตามผู้ป่วยภายหลังได้รับการรักษา ไม่ว่าจะด้วยยา หรือ การขยายหลอดเลือด หรือ การผ่าตัด

โดยการให้ผู้รับการทดสอบเดินบนสายพาน ต่อขั้วและสายนำไฟฟ้าบริเวณหน้าอก 10 สาย เข้ากับเครื่อง Computer ในขณะที่ เดินอยู่ เครื่อง Computer จะบันทึกและแสดงลักษณะของคลื่นนำไฟฟ้าภายในหัวใจพร้อมทั้งความดันโลหิต ตลอดเวลา ในขณะ ทดสอบจะมีการเพิ่มความเร็ว และ ความชัน ของเครื่องเป็นระยะๆตามโปรแกรมที่จะเลือกให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ทดสอบ โดยเฉพาะเป็นรายๆไป เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบ ผู้ทดสอบสามารถทราบผลการทดสอบจากแพทย์ ซึ่งจะเฝ้าสังเกตอาการอยู่ ด้วยตลอดการทดสอบได้ทันที

 

ข้อมูลจาก สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย

 

Posted in Health Knowledge TH by admin
กรกฎาคม 18, 2018

โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส จัดงานทำบุญเนื่องในวันครบรอบการก่อตั้ง โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ปีที่ 18 ❤️🏥

โดยมีผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล พนักงานและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมงานในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2561

#โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส #กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส #StCarlos #KrungSiamStCarlos #ปีที่18 #18ปีกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส #18ปีโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส #ก้าวสู่ปีที่19

Posted in News & Information TH by admin
กรกฎาคม 9, 2018

คุณคิดว่าการตรวจสุขภาพนั้นจำเป็นหรือไม่? บางคนคิดว่าการตรวจสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ร่างกายก็ยังแข็งแรงดีไม่ได้เจ็บป่วยเสียหน่อยจะให้ไปตรวจสุขภาพทำไมกัน ไม่เห็นจำเป็นต้องตรวจสุขภาพให้ยุ่งยากเลย คุณรู้หรือไม่ว่าความคิดแบบนี้ถือเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยทีเดียว เนื่องจากโรคร้ายแรงหลายชนิดจะแสดงอาการหรือสร้างผล กระทบให้กับร่างกายอย่างชัดเจนก็ต่อเมื่อโรคอยู่ในระยะแพร่กระจายหรือเกิดการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว ซึ่งโรคที่อยู่ในระยะแพร่กระจายนั้นจัดเป็นระยะที่อันตรายร้ายแรงยากต่อการรักษา บางครั้งค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการรักษาก็สูงมากตามระยะของโรคอีกด้วย ในบางครั้งต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ส่งผลให้ต้องเสียชีวิตในที่สุด แต่ถ้าเราตรวจสุขภาพเป็นประจำเราอาจจะไม่ต้องเป็นโรคร้ายแรงหรือเราอาจจะตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นทำให้เราสามารถรักษาให้หายได้โดยที่เสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เรามีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น ดังนั้นการตรวจสุขภาพนั้นจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อชีวิตของเรา

การตรวจสุขภาพของการตรวจสุขภาพมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ตามจุดประสงค์ของการตรวจ คือ

1.ตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดโรค

ตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดโรค คือ การตรวจดูสุขภาพร่างกายเพื่อดูว่าร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรงปกติดีหรือไม่ และตรวจหาว่าเรามีความเสี่ยงในการเกิดโรคใดในอนาคตหรือไม่ด้วย ซึ่งการตรวจนี้จะทำการสำรวจและตรวจสอบถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราว่ามีพฤติกรรมใดบ้างสร้างความเสี่ยงในการเกิดโรคได้โดยที่เราไม่รู้ตัว โดยคุณหมอจะทำการสอบถามประวัติครอบครัว ข้อมูลการทำงานและพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างละเอียด เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าเรามีอันตราเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรได้บ้าง และจะทำการตรวจตามความเสี่ยงที่ประเมินได้จากข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งการตรวจแบบนี้เป็นการตรวจเชิงรุกเป็นการตรวจเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคในอนาคต ถ้าคุณหมอตรวจพบว่าเรามีความเสี่ยงต่อโรคแล้ว คุณหมอจะกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นแนวทางมาให้เราปฏิบัติตามเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

2.ตรวจเพื่อหาโรคที่เกิดขึ้นแล้ว

การตรวจแบบนี้เป็นการตรวจหาโรคที่เกิดขึ้นแล้วในร่างกาย เพื่อตรวจสอบดูว่าในขณะร่างกายของเราได้เกิดโรคใดขึ้นบ้างแล้วและโรคที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในระยะใด เพื่อที่คุณหมอจะได้กำหนดขั้นตอนและแนวทางในการรักษาต่อไป การตรวจแบบนี้ถ้าเราตรวจเป็นประจำจะทำให้เราค้นเจอโรคที่เป็นอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งถือว่าเป็นระยะที่มีความอันตรายน้อยที่สุดและมีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ง่ายและใช้เวลาในการรักษาน้อยมาก

การตรวจสุขภาพทั้ง 2 แบบนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกว่าจะตรวจแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการทราบเกี่ยวกับด้านใดมากที่สุด แต่ทางที่ดีที่สุดในการตรวจครั้งแรกควรจะตรวจทั้งสองแบบ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าตอนนี้เราป่วยเป็นโรคอยู่หรือไม่

ถ้ามีเราจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงทีแต่ถ้าไม่มีโรคเกิดขึ้นก็ไม่เป็นไรและในการตรวจครั้งต่อไปเราก็ทำการตรวจเพื่อหาความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวก็ได้ เราจะได้มีแนวทางในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยนั่นเอง

——————————————————————————————————————————

คลิ๊กที่นี้ เพื่อดูรายละเอียด โปรแกรมตรวจสุขภาพ  Happy New Year 2019  รายการตรวจสุขภาพ 19 รายการ

พฤษภาคม 9, 2018

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 เวลา 14.00-16.00 น. โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ได้ทำการซ้อมแผนรับอุบัติเหตุหมู่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

Posted in News & Information TH by admin
เมษายน 25, 2018

11 เมษายน 2561 โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ได้จัดงานสงกรานต์ประจำปี 2561 โดยช่วงเช้ามีการไหว้ศาลพระพรหม ทางสามแพร่ง ศาลตาศาลยาย ตักบาตรอาหารแห้ง ทําบุญ ถวายสังฆทานพระสงฆ์ และมีกิจกรรมสรงน้ำพระ และรดน้ำขอพรผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่อาวุโส

Posted in News & Information TH by admin
เมษายน 1, 2018

บรรยากาศภายในงาน “โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ร่วมสานสัมพันธ์สร้างสุขภาพดี เพื่อผู้ถือกรมธรรม์กับโครงการ อุ่นใจกับไทยประกัน” เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา
ภายในงานมีการตรวจสุขภาพ และบรรยายความรู้เกี่ยวกับสเต็มเซลล์ให้ตัวแทนบริษัทประกัน และผู้ถือกรมธรรม์ บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยสาระความรู้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

Posted in News & Information TH by admin
มีนาคม 2, 2018

การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เป็นเรื่องที่หลายๆ คนมักจะมองข้ามกัน เพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ แต่หารู้ไม่ว่าหากคุณคนใดคนหนึ่งมีเชื้อที่จะส่งถึงลูกได้ มันย่อมก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายทีเดียว ปัจจุบันการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งหลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานด้วย ความจริงแล้ว การแต่งงานนั้นก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่รักกันและต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรคำนึงถึงก็คือ ‘ลูก’ ที่พวกคุณจะมีในอนาคตนั่นเอง

เชื้อไวรัสเอดส์
การตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เพราะเชื้อไวรัสเอดส์จะสามารถติดต่อถึงลูกได้ง่ายและยังเสี่ยงต่อการแท้งในขณะตั้งครรภ์ได้สูงอีกด้วย ซึ่งหากตรวจพบเชื้อไวรัสเอดส์คุณก็จะไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้เด็ดขาด เพราะเชื้อมีสิทธิ์ติดลูกได้ถึง 100% เลยล่ะ แต่หากต้องการมีลูกด้วยกันจริงๆ ก็จะต้องคุยกับคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำในการดูแลตัวเองเป็นกรณีพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกที่เกิดมาติดเชื้อให้มากที่สุดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์กันก็สามารถทำได้เพียงแต่ต้องใช้ถุงยางอนามัยนั่นเอง

ตรวจชนิดของเลือด
การตรวจชนิดของเลือดนั้นก็จะช่วยป้องกันการแท้งได้ โดยเลือดของคนเราควรเป็นชนิด Rh+ หากพบว่าเป็นชนิด Rh- จะทำให้มีโอกาสแท้งสูงมาก แต่หากตรวจพบตั้งแต่ก่อนแต่งงานก็จะมีวิธีป้องกันได้ โดยแพทย์อาจจะให้คำแนะนำและอาจจะให้ยามาทานค่ะ

ตรวจความเข้ากันของเลือด
การตรวจความเข้ากันของเลือดจะทำให้รู้ว่าคุณหรือคนรักของคุณเป็นโรคหรือมีเชื้อทาลัสซีเมียหรือไม่ ซึ่งโรคนี้หากติดถึงลูก จะทำให้ลูกผิดปกติได้ จึงต้องป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง

ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน
ภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันเป็นภูมิคุ้มกันที่ทุกคนควรมี เพราะหัดเยอรมันนั้นเป็นโรคที่มีความร้ายแรงมาก หากทารกติดเชื้อก็จะทำให้ถึงขั้นแท้งหรือพิการได้เลยทีเดียว ซึ่งวิธีแก้ไขนั้น ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะให้ฝ่ายหญิงฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันและคุมกำเนิดอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เต็มที่และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์นั่นเอง

ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนแต่งงาน คุณควรพากันไปตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานให้เรียบร้อย เพื่อหาเชื้อที่อาจจะเป็นอันตรายต่อลูกได้ เพียงแค่นี้ชีวิตการแต่งงานของคุณก็จะราบรื่น มีความสุขและลูกน้อยที่จะเกิดมาก็มีสุขภาพที่แข็งแรงตามมาได้แล้วค่ะ

โปรแกรมตรวจสุขภาพคู่รัก ลด20% วันนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2561